ข่าวประชาสัมพันธ์ 15 - 28 กุมภาพันธ์ 2564

ประชาสัมพันธ์ สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี

โทรศัพท์/โทรสาร 038 - 279448  www.chonburipr.net

ระหว่างวันที่ 15 – 28 กุมภาพันธ์ 2564

****************************************************

ครม. ปรับเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ สำหรัผู้จบการศึกษาใหม่

       นายสิบหมื่อนชัย โพธิสินธุ์ จัดหางานจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติให้ปรับเงื่อนไขโครงการส่งเสิรมการจ้างงานใหม่ สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ โดยภาครัฐและภาคเอกชน (Co - Payment) เนื่องจากสภาพความเป็นจริง มีนักศึกษาจบใหม่จำนวนมาก อยู่ในระบบประกันสังคมมาแล้ว แต่ต้องออกจากงานในขณะที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน เพราะนายจ้างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีการขยายระยะเวลาการจ้างงานถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 โดยปรับคุณสมบัติและเงื่อนไขใหม่ ดังนี้

       คุณสมบัติและเงื่อนไข สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ ต้องมีสัญชาติไทย สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) มีอายุไม่เกิน 25 ปี หรืออายุเกิน 25 ปี ต้องจบการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป ส่วนคุณสมบัติและเงื่อนไข สำหรับนายจ้าง ต้องอยู่ในระบบประกันสังคม ห้ามเลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกินกว่าร้อยละ 15 ภายในระยเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติเข้าร่วมโครงการ นายจ้างต้องจ้างไม่ต่ำกว่า 336 บาทต่อวัน (ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดชลบุรี) โดยจ่ายผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยของลูกจ้างโดยตรง และรัฐอุดนุน 50 % ของค่าจ้างที่นายจ้างจ่ายจริง

         ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนที่ www.จ้างงานเด็กจบใหม่ .com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดงหางานจังหวัดชลบุรี โทรศัพท์หมายเลข 038 – 398051 หรือ 086 – 4760458 หรือ chonburismartjob@gmail.com

ปริญญา/ข่าว

***********************************************

ซีพีเอฟ หนุนรัฐเร่งส่งออกไข่ระบายส่วนเกิน สร้างเสถียรภาพราคาในประเทศช่วยเกษตรกร

       บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สนับสนุนมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) เร่งส่งออกไข่ไก่ สร้างสมดุลปริมาณกับการบริโภค หวังสร้างเสถียรภาพราคาไข่ไก่ทั้งอุตสาหกรรม ช่วยพยุงเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ลดผลกระทบจากปัญหาราคาตกต่ำ

         นายสมคิด วรรณลุกขี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากภาวะราคาไข่ไก่ที่ตกต่ำ เนื่องจากการบริโภคที่ลดลงของประชาชน ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ห้างร้านต่างๆ ร้านอาหาร และตลาดบางแห่งต้องปิดทำการ การท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลให้ราคาไข่ไก่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร อยู่ที่ราคาฟองละ 2.50 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ ในไตรมาสที่ 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) เฉลี่ยสูงขึ้นมาฟองละ 2.66 บาท และคาดว่าจะมีแนวโน้มต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งกากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง

         ปัญหาภาวะขาดทุนดังกล่าว ส่งผลกับเกษตรกรในทุกระดับทั้งฟาร์มเล็ก กลาง และผู้ประกอบการรายใหญ่ ภาครัฐโดยเอ้กบอร์ด จึงมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยการออกมาตรการเร่งผลักดันไข่ส่วนเกินภายในประเทศ จำนวน 100 ล้านฟอง โดยส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ (ภาคสมัครใจ) ภายในระยะเวลา 6 เดือน นับจากเดือนมีนาคม-สิงหาคม 2564 โดยใช้งบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มาสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ จำนวน 50 ล้านบาท และให้เกษตรกรสมทบอีก 100 ล้านฟอง รวมเป็น 200 ล้านฟอง

       “ซีพีเอฟในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไข่ไก่ ยินดีให้ความร่วมมือและพร้อมสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยการผลักดันการส่งออกในเฟสแรกรวม 60 ล้านฟอง (จำนวน 185 ตู้) บริษัทจะดำเนินการส่งออก 16 ล้านฟอง (จำนวน 50 ตู้) แม้ว่าในการส่งออกจะต้องขาดทุนถึงฟองละ 40-50 สตางค์ ก็ตาม แต่บริษัทก็ยินดี เพื่อสร้างสมดุลระหว่างปริมาณการผลิต ให้สอดคล้องกับการบริโภคของประชาชน ช่วยให้เกิดเสถียรภาพราคาไข่ไก่ทั้งอุตสาหกรรม ขอเชิญชวนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ร่วมกันสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศที่ประสบปัญหาขาดทุน ทำให้มีรายได้ที่ดีขึ้น สามารถต่อยอดอาชีพเดียวที่มี ให้ก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน”

ปริญญา/ข่าว

******************************

พม ประกาศสืบหาบิดามารดาเด็กถูกทอดทิ้ง

         นางพัทธ์วิรา สุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้รับคำร้องจากนายสันติธรรม แก้วศรีงาม อายุ 38 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 342/19 หมู่1 ตำบลหนองปรีอ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีความประสงค์ยื่นเรื่องขอรับเด็ก เด็กหยิงณัชชา ห้วยใหญ่ อายุ 1 ปี 6 เดือน (เกิด 28 กรกฏาคม 2562) เป็นหลาน (ผู้ขอฯ เป็นพี่ชายบิดาเด็ก) เป็นบุตรบุญธรรม บิดาชื่อ นายอภิชิขญ์ ห้วยใหญ่ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ด้วยการบาดเจ็บอย่างรุ่นแรงของศีรษะ ส่วนมารดาชื่อนางสาวสเรยวัน พอน อายุ 23 ปี สัญชาติกัมพูชา ไม่สามารถติดตามได้และไม่ทราบว่าอาศัยอยู่ที่ใด ขณะบิดาเด็กเสียชีวิต มารดาเด็กได้ทอดทิ้งเด็กไปและไม่เคยติดต่อมาอีก โดยย่าเด็กนำเด็กมาให้ผู้ขอฯ ดูแล เนื่องจากผู้ขอฯ มีความพร้อมมากกว่า และไม่มีบุตร ผู้ขอฯ และภรรยาชื่อ นางสาวระวี บำรุงวัตร (ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน) ได้ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กเรือยมาจนปัจจุบัน และขณะนี้เด็กได้กำลังศึกษาชั้นเตรียมอนุบาลที่ซ่อนกลิ่นบ้านเด็กเล็ก เด็กอยู่ในความดูแลของผู้ขอฯ มาโดยตลอด ผู้ขอฯ มีความประสงค์จะขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เพราะผู้ขอฯ ต้องดูแลเด็กต่อไปและเพื่อความสะดวกในการทำนิติกรรมต่างๆ แต่ไม่สามารถติดตามมารดาเด็กมาให้ควมยินยอมได้           

         ดังนั้น ก่อนมอบเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้ขอฯ หาดผู้ใดเป็นบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็ก โปรดนำหลักฐานสูติบัตรเด็ก บัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ไปติดต่อที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ชั้น1 หมายเลขโทรศัพท์ 038 – 277877 ต่อ 23 – 26 ในวันเวลาราชการด่วน

ปริญญา/ข่าว

**************************************

DITP รับสมัครสินค้านวัตกรรม-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ร่วมงาน Mirror Mirror เจาะเวียดนาม

          กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดรับสมัครผู้ผลิต ผู้ส่งออกสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สินค้าแม่และเด็ก สินค้าสัตว์เลี้ยง ที่มีนวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมโครงการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror Mirror ที่เวียดนาม สนใจยื่นสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 มี.ค.64

          นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า (สนม.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ (สคต. ณ นครโฮจิมินห์) ได้กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้านวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่ตลาดเวียดนามในรูปแบบ Mirror Mirror ปี 2564 เพื่อส่งเสริมและผลักดันสินค้าที่มีนวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทยให้สามารถขยายตลาดสู่เวียดนาม รวมถึงเกิดการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย กับผู้นำเข้าและผู้กระจายสินค้าของเวียดนาม และประชาสัมพันธ์และแสดงศักยภาพสินค้าไทยที่ได้รับการพัฒนานวัตกรรมให้ได้รับการยอมรับแก่กลุ่มเป้าหมายในตลาดเป้าหมายประเทศเวียดนาม

          ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครกลุ่มเป้าหมาย โดยผู้ประกอบการที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สินค้าแม่และเด็ก และสินค้าสัตว์เลี้ยง ที่มีการผลิตโดยใช้นวัตกรรมและสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการได้ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564 เป้าหมายจำนวน 15 ราย และกำหนดจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Mirror Mirror ที่โรงแรม Sheraton Saigon hotel & Tower นครโฮจิมินห์ วันที่ 15 มิถุนายน 2564 โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางเข้าร่วมงาน เพียงแค่ส่งสินค้าตัวอย่างไปจัดแสดง และเจรจาธุรกิจผ่านทางออนไลน์ “ผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือก จะได้รับการเตรียมความพร้อม โดยกรมฯ จะจัดอบรมให้ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมเสริมสร้างทักษะเกี่ยวกับตลาดเวียดนาม และเทคนิคการเจรจาธุรกิจออนไลน์ โดยมีวิทยากรภาคเอกชนที่เคยเข้าร่วมกิจกรรม Mirror Mirror เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และแนะนำวิธีการเตรียมตัวให้ประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะลงสนามจริง”

        สำหรับคุณสมบัติการเข้าร่วมโครงการ ผู้สมัครต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนนิติบุคคล (บริษัท/ห้างหุ้นส่วนจำกัด) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ที่ออกโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ หรืออยู่ในระหว่างการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ไม่มีประวัติเสียหายทางการค้า ไม่มีประวัติการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ ข้อปฏิบัติ/ข้อกำหนดการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของกรม ทั้งงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่มีพฤติกรรมในการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่มีเจตนาลอกเลียนแบบสินค้าและตราสินค้าของผู้ผลิตรายอื่น และเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 ข้อ ได้แก่ เป็นสมาชิกกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (EL หรือ PRE – EL) เคยเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) อาทิ กิจกรรม IDEALAB กิจกรรม IDEALAB: Thai Agricultural Innovation กิจกรรมพอแล้วดีสู่สากล หรือเป็นผู้ประกอบการที่นำสินค้าเข้าร่วมการวิจัยจากหน่วยงานนวัตกรรม 7 หน่วยงานที่ได้ลงนาม MOU ร่วมกันกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

          ส่วนคุณสมบัติของสินค้า ต้องเป็นสินค้านวัตกรรมในกลุ่มของสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สินค้าแม่และเด็ก สินค้าสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้านวัตกรรมที่ได้รับเครื่องหมายรับรอง โดยกลุ่มอาหาร เช่น อย. GMP HACCP HALAL กลุ่มไม่ใช่อาหาร เช่น มอก. สมอ. และเป็นสินค้านวัตกรรมที่มีการพัฒนาหรือต่อยอดนวัตกรรม เช่น ได้รับการวิจัยจากหน่วยงานนวัตกรรมในประเทศไทย ได้มีการซื้อสิทธิ์งานวิจัยจากหน่วยงานทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ มาต่อยอดสินค้าให้มีนวัตกรรม พร้อมแสดงหลักฐานสิทธิ์การใช้งานวิจัย หรือเป็นสินค้าที่มีนวัตกรรมโดยการคิดค้นและวิจัยภายในองค์กรของตนเอง โดยผู้ประกอบการจะต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้วิจัยเอง อาทิ การจดทะเบียนสิทธิบัตร หรืออนุสิทธิบัตร เป็นต้น

          สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กลุ่มงานส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อการค้า สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

โทร. 0 2507 8269  และ 0 2507 8267 หรือ E-mail : innovation@ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

ปริญญา/ข่าว

***************************

Visitors: 219,344