ข่าวประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 1 -15 ธันวาคม 2564

ประชาสัมพันธ์ สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี

โทรศัพท์/โทรสาร 038 - 279448  www.chonburipr.net

ระหว่างวันที่ 1 – 15 ธันวาคม 2564

*************************************************************************

พช จัดผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญ รับเทศกาลปีใหม่

         นายประเมิน อุมา พัฒนาการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาชุนจังหวัดชลบุรี ได้จัดผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญ ของฝากและรูปแบบกิ๊ฟเซ็ทของขวัญ ของฝาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ OTOP และส่งเสริมให้ประชาชนได้ส่งมอบความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาของคนไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ชลบุรี ได้ดำเนินการ ดังนี้ 1.คัดเลือกผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีความเหมาะสมและจัดเป็นกระเช้าของขวัย ของฝากและกิ๊ฟเซ็ทของขวัญ ของฝาก ให้ประชาชนที่สนใจได้เลือกซื้อ

2. จัดทำแค็ตตาล็อกของขวัญ ของฝาก ในรูปแบบกระเช้าของขวัญ ของฝากและรูปแบบ กิ๊ฟเซ็ทของขวัญ ของฝาก และส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์กระเช้าของขวัญ ของฝากปีใหม่ ให้ทราบโดยทั่วกัน และ3. จัดแสดงและจำหน่ายกระเช้าของขวัญ ของฝาก ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2564 - 15 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 3 จุด ได้แก่ บริเวณโถง ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดชลบุรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี บริเวณศูนย์แสดงสินค้า OTOP โลลัสพลัสมอลล์ อมตะชลบุรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี และศูนย์แสดงสินค้า OTOP บ่อทองบุรี อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี

และ4.ประชาสัมพันธ์กระเป๋าของขวัญ ของฝาก ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook OTOP  Chonburi และ OTOP TODAY ชลบุรี

        เพื่อให้การดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญ ของฝากปีใหม่ บรรลุตามวัตถุประสงค์ จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน ประชาสัมพันธ์รณรงค์ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP เป็นของขวัญ ของฝากช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ OTOP จากภูมิปัญญาไทย และช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจใน ระดับฐานราก และเป็นการส่งความสุขในเทศกาลปีใหม่ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนา ชุมชนจังหวัดชลบุรี โทร38 – 284349

ปริญญา/ข่าว

*******************************************

สาธารณสุข มาตรการป้องกันโรคโควิด –ภายใต้แนวคิด V U C A

      นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแทพย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า โรคโควิด – 19 ยังไม่มีจุดสิ้นสุด ประเทศไทยจำเป็นต้องมองหาแนวทางการอยู่รวมกับโรคนี้ ซึ่งการเปิดประเทศเป็นทางเลือกทางรอดหนึ่ง จึงต้องเตรียมความพร้อมทุกภาคส่วน โดยเพราะภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมสื่อมวลชน และ influencers ที่นำองค์ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการความพร้อมในการเปิดประเทศไปเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างถูกต้อง

       และในขณะนี้ประเทศไทย ได้ทยอยเปิดประเทศ แต่ประชาชนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคิตดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำหนดมาตรการเปิดประเทศภายใต้แนวคิด “V-U-C-A” ได้แก่ V หมายถึง ฉีดวัคซีนให้ครบ เพื่อลดป่วยหนัก โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2564 เป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด – 19 ครบ 100 ล้านโดส

      ส่วน U หมายถึง ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ห่างไกลจากโควิด – 19 โดยสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือปล่อยๆ และออกจากบ้านเมื่อจำเป็น

      ส่วน C หมายถึง สถานที่บริการพร้อม (COVID Free Environment) ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์

      และ A หมายถึง พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ หรือมีอาการทางเดินหายใจ

      อย่างไรก็ตาม หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่องครัด หรือเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นกลุ่มก้อน ประเทศไทยมีระบบในการเฝ้าระวังควบคุมโรค หากพบการติดเชื้อต้องรายงาน เพื่อดำเนิอนการสอบสวนโรคอย่างรวดเร็ว โดยมีระบบเฝ้าระวังคัดกรองและควบคุมโรค ระบบกักกันโรค สถานกักกันโรคที่ได้มาตรฐาน มีศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินที่เป็นระบบ ทั้งการเฝ้าระวังสอบสวนโรคเชิงรุก การจัดทีมสอบสวนโรคและรายงานภายใน 3 ชั่วโมง และมีระบบสื่อสารความเสี่ยงตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินได้ตลอดเวลา

      นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เน้นย่ำขอให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและครบคุมโรค ที่ทางราชการกำหนด อย่างเคร่งครัด เพื่อให้คนไทยปลอดภัย เดินหน้าเศรษฐกิจไปรอดอีกด้วย

ปริญญา/ข่าว 

************************************************

เมืองพัทยาจับมือ ททท. เตรียมจัดงานเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA ริมทะเลพัทยา 17-19 ธันวาคมนี้

         นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว "งานเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA" ภายใต้รูปแบบการจัดงานแบบ New Normal ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของเมืองพัทยา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัยไปกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เป็นการสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย

       สำหรับ "งานเที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA" กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17-19 ธันวาคม 2564  บริเวณชายหาดพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์การค้า The Bay Pattaya ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. โดยใช้รูปแบบการจัดงานด้วยมาตรการที่เมืองพัทยาได้ดำเนินการมาเพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งแบ่งพื้นที่จัดงานออกเป็นโซน ทั้ง โซนสินค้ามาตรฐาน SHA, โซนนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว ที่สามารถออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง, โซนอาหารจากเชฟชื่อดัง ร่วมกับเชฟชุมชน จะมารังสรรค์เป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์ท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ชุมชน และโซนแสดงดสตรีคอนเสิร์ตจากศิลปิน

ปริญญา/ข่าว

******************************************

พัทยา จัดแถลงข่าวเตรียมจัดงาน Chonburi coffee on the beach 2021

        นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยา เตรียมจัดงาน Chonburi coffee on the beach 2021 ระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคม 2564 ที่บริเวณชายหาดพัทยาเหนือ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเสริมความคึกคักการท่องเที่ยวช่วงปลายปี 64 ของเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรี เพื่อรายได้สู่ชุมชน และท้องถิ่น

        สำหรับรูปแบบของการจัดงานจะเป็นการนำกาแฟหลากหลายสายพันธุ์จากหลากหลายสถานที่มารวมไว้กว่า 30 ร้าน อีกทั้งยังมีจุดนั่งชิมกาแฟ พร้อม WORKSHOP ด้านกาแฟจากกูรูที่มีชื่อเสียงมาให้ความรู้เรื่องของกาแฟ มีการออกร้านมหกรรมรวมสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับกาแฟเอาไว้อย่างครบถ้วนสำครับคอกาแฟ

ปริญญา/ข่าว

*********************************************

จัดหางาน จัดโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs

       นายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ จัดหางานจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ได้เปิดลงทะเบียนโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่2 เพื่อให้นายจ้าง หรือสถานประกอบการภาคเอกชนซึ่งมีลูกจ้างรวมทุกสาขาไม่เกิน 200 คน (ตรวจสอบจากฐานทะเบียนข้อมูลประกันสังคมมาตรา 33 สถานะ Active ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง ฟื้นฟูกิจการ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจ SMEs ให้ดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง สามารถส่งเสริมและรักษาการจ้างงานลูกจ้างสัญญาติไทยไม่ให้ถูกเลิกจ้าง และมีงานทำมีรายได้เลื้องดูตนเองและครอบครัว โดยภาครัฐจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อรักษาการจ้างงานให้แก่นายจ้าง หรือเจ้าของผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการโดยคำนวณตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยในอัตรา 3,000 บาทต่อคน ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน (ธันวาคม 2564 – มกราคม 2565) สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ทางเว็บไซต์ http//:ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th ได้ตั้งแต่วันบัดนี้เป็นต้นไป ถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2564 และรับเงินอุดหนุนในวันที่ 30 ธันวาคม2564

      ขอเชิญนายจ้าง หรือสถานประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ในรอบที่2 ทั้งนี้ สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ได้กำหนดจัดประชุมเพื่อชี้แจงแนวทาง และวิธีการในการเข้าร่วมโครงการผ่านระบบ Zoon Meeting (Zoon Meeting ID : 7527628154 Passcode คือ chonburi 12) ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ เวลา 10.30 น. และในเวลา 15.00 น. หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการมีงานทำ สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 038 – 398051 หรือ 086 – 4760458

ปริญญา/ข่าว

***************************************

มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน จัดเทศกาลหนังสือศรีราชา ครั้งที่1

       ศาลตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิโครงการสารนุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เปิดเผยว่า มูลนิธิโครงการสารนุกรมไทยสำหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ถือกำเนินขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีพระราชประสงค์ให้ทุกคนมีโอกาสได้อ่านหนังสือสารานุกรรมไทยสำหรับเยาวชนๆ ที่เป็นสารานุกรมแบบที่คนไทยทำ โดยทรงกำหนดหลัการบรรจุสรรพวิชาและเนื้อหาสาระ เพื่อตอบสนองความสามารถในการอ่านของเยาวชนแต่ละระดับได้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้ ความคิด ความฉลาด และความดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต อันจะช่วยให้ผู้อ่านเพิ่มพูนปัญญา พึ่งพาตนเอง และทำประโยชน์ให้ส่วนรวมได้ในอนาตค

       ในการนี้ มูลนิธิได้ออกบูธอยู่ในบริเวณโซนนิทรรสการ “หนึ่งอ่านล้านตื่น”ในงานเทศกาลหนังสือศรีราชา ครั้งที่1 ระหว่างวันที่ 3 – 12 ธันวาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 21.00 น. ณ ศรีราชาฮอลล์ ชั้น4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซาศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

      ขอเชิญประชาชนเข้าชมบูธตามวันและเวลาดังกล่าว

ปริญญา/ข่าว

*****************************************

พม ประกาศสืบหาบิดามารดาเด็กถูกทอดทิ้ง     

          นางพัทธ์วิรา สุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ได้รับคำร้องจากนางสาวบวรลักษณ์ แก้วคูณ อายุ 42 ปี และนายไมตรี คำมา อายุ 42 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 22/5 หมู่6 ตำบลสำนักบก อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีความประสงค์ยื่นเรื่องขอรับเด็ก นางสาวพัทธ์ธีรา แก้วคูณ อายุ 15 ปี 3 เดือน (เกิดวันที่ 8 สิงหาคม 2549) เป็นหลาน (ผู้ขอฯ หญิงเป็นน้องสาวบิดาเด็ก) เป็นบุตรบุญธรรม บิดาชื่อ นายสิงห์ทอง แก้วคูณ อายุ 43 ปี ให้ความยินยอมเรียบร้อยแล้ว ส่วนมารดาชื่อ นางสาวพัฒนา เชื้อเมืองแสน อายุ 37 ปี ไม่สามารถติดตามได้และไม่ทราบว่าอาศัยอยู่ที่ใด บิดา มารดาเด็กเลิกรากันขณะเด็กอายุ 1 ปีเศษ จากนั้นไม่สามารถติดต่อมาราดาเด็กได้อีก เด็กอาศัยอยู่กับปู่ ย่า และบิดาเด็กที่จัหงวัดอุบลราชธานี โดยผู้ขอฯ ได้ส่งเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กประมาณ 3,000 – 5,000 บาทต่อเดือน ต่อมาขณะเด็กอายุ 10 ปี ผู้ขอฯ ได้ไปรับเด็กมาอุปการะที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากปู่ ย่า และบิดาเด็กมีรายได้ไม่เพียงพอ และไม่สะดวกเดินทางไปรับส่งเด็กไปโรงเรียน ซึ่งบ้านที่พักอาศัยและโรงเรียนตั้งอยู่ห่างกัน 16 กิโลเมตร   

     ปัจจุบันเด็กที่ขอรับฯกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนชลกันยานุกูล เด็กอยู่ในความดูแลของผู้ขอฯ มาโดยตลอด ผู้ขอฯ มีความประสงค์จะขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม เพราะผู้ขอฯ ต้องดูแลเด็กต่อไปและเพื่อความสะดวกในการทำนิติกรรมต่างๆ แต่ไม่สามารถติดตามมารดาเด็กมาให้ความยินยอมได้

         ดังนั้น ก่อนมอบเด็กให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้ขอฯ หาดผู้ใดเป็นบิดามารดาหรือผู้ปกครองของเด็ก โปรดนำหลักฐานสูติบัตรเด็ก บัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ไปติดต่อที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ชั้น1 หมายเลขโทรศัพท์ 038 – 277877 ต่อ 23 – 26 ในวันเวลาราชการด่วน

ปริญญา/ข่าว

******************************************

‘สนธยา’วางยุทธศาสตร์ 5 ปีพลิกฟื้นพัทยาสู่อนาคต

            นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยาได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา จัดทำ “แผนพัฒนาเมืองพัทยา พ.ศ.2566-2570” โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ยกระดับบุคลากรเข้าสู่ยุดใหม่หลังโควิด-19 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกมิติ ทั้งสุขภาพ การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้มีทางเลือกประกอบอาชีพนอกเหนือจากธุรกิจท่องเที่ยว และใช้ระบบดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการบริการ

      “ผลจากโควิดทำให้ประเทศไทยต้องปรับตัวขนานใหญ่ แต่ก็นับว่าสอดรับพอดีกับแนวทาง NEO PATTAYA ที่เราเริ่มมาแล้ว 3 ปี เพื่อปรับใหญ่ให้พัทยามีภูมิคุ้มกัน ยืนได้อย่างมั่นคงในอนาคต ฉะนั้นในการจัดทำแผนพัฒนาเมืองพัทยาระยะ 5 ปีจึงเชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันคิด ซึ่งสรุปได้ว่าเรามุ่งโครงการที่มีศักยภาพสูงเป็นเรือธงรองรับการเป็นศูนย์กลาง EEC การท่องเที่ยว การใช้ชีวิตแบบพหุวัฒนธรรม ทำให้พัทยาเป็นเมืองแห่งโอกาสทางเศรษฐกิจชั้นนำระดับนานาชาติอีกครั้ง” นายกเมืองพัทยา ระบุ

         นายสนธยา กล่าวว่า ปัจจัยความท้าทายที่สำคัญของพัทยาที่นำมาพิจารณาจัดทำแผนมี 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ 2.ตลาดท่องเที่ยวที่หันไปหาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม 3.การขยายตัวอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล 4.ความก้าวหน้าของ อีอีซี.ที่มีผลต่อเมืองพัทยา และ 5.ความสามารถของประชากรพัทยาในการปรับตัวรับสิ่งใหม่

        ดังนั้นแผนพัฒนาเมืองพัทยา พ.ศ.2566-2570 จึงประกอบด้วยห้างานหลัก ได้แก่ 1.ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีและความปลอดภัยสำหรับทุกคน 2.ยกระดับประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานรองรับ EEC 3.ส่งเสริมนวัตกรรมทางเศรษฐกิจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 5.การยกระดับการบริหารเมืองพัทยาเป็นองค์กรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง

        ในส่วนแผนปฏิบัติการจะมีทั้งเชิงรุกและเชิงรับด้วยงบประมาณที่จำกัดแต่มีสมรรถนะสูง สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 แผนแม่บทการท่องเที่ยว และแผนการขยายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ 1. แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ อาทิ การเร่งส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวในประเทศโดยกำหนดให้มีกิจกรรมการตลาดทุกเดือน พัฒนาแพลตฟอร์มการตลาดให้ผู้ประกอบการเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ยกระดับตลาดชุมชนนาเกลือเป็นแหล่งทางวัฒนธรรมชุมชนและการท่องเที่ยวธรรมชาติบนเกาะล้าน 2.แผนพัฒนาความสามารถของประชากร อาทิ โครงการอบรมทักษะอาชีพคนรุ่นใหม่ อาทิ ธุรกิจ Wellness, รถยนต์ EV, E-Commerce, โปรแกรม Coding และ Robot รวมถึงยกระดับการเรียนการสอนแบบดิจิทัลของโรงเรียนเขตเมืองพัทยา และศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติ เป็นต้น 3.แผนสิ่งแวดล้อม อาทิ จัดสร้างสวนหย่อม Pocket Park เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างทั่วถึง คุ้มครองป่าชายเลนผืนเดียวของพัทยาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และดูแลต้นไม้ใหญ่ทั่วเมืองพัทยา เป็นต้น 4.แผนเทคโนโลยี อาทิ การสร้าง Big Data รวมข้อมูลแบบครบวงจรเพื่อใช้ในการบริหารเมือง ครอบคลุมด้านความปลอดภัย สาธารณสุขแบบดิจิทัล และ5.แผนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การสร้างรถรางเบา (Tram) เพื่อรองรับ อีอีซี บริหารจัดการนำเบ็ดเสร็จ แก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน การพัฒนาระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยให้ประชาชน เป็นต้น

       สำหรับแผนปฏิบัติต่างๆ จะดำเนินงานร่วมกับภาคีสำคัญ เช่น คณะกรรมการ อีอีซี. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมโยธาธิการฯ ตลอดชนชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพัทยามีทั้งโอกาสและปัญหา แต่จากการที่ภาคส่วนต่างๆ มาร่วมคิดและมาร่วมทำ จึงเห็นโอกาสว่าเราพร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่จะเติบโตได้ดีกว่าเดิมในอนาคต มีเป้าหมายร่วมกันว่าพัทยาจะแข็งแรงกว่าเดิม

ปริญญา/ข่าว

Visitors: 219,226