ข่าวประชาสัพมันธ์ ระหว่างวันที่ 15 - 31 พฤ๋ษภาคม 2566

 

ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี

สำนักงานประสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี

ระหว่างวันที่ 15 - 31 พฤษภาคม 2566

**********************************************

ชลบุรี จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2566

        นายธวัชชีย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 จังหวัดชลบุรี ได้จัดกิจกรรมพิธีทำบุญตักบาตร พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ในวันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 โดยมีกิจกรรมประกอบไปด้วย พิธีทำยุญตักบาตร ณ หอพระพุทธสิหิงค์ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี และพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ อาคารอเนกประสงค์วิทยาการ โรงเรียนชลกันยานุกูล อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

      ขอเชิญ ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมกิจกรรมตามวันและเวลาดังกล่าว

ปริญญา/ข่าว

************************************

“กาชาด” ชวนชาวไทย บริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตลอดเดือนมิถุนายน 2566

          ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญพสกนิกรทั่วประเทศ ร่วมทำความดีตลอดเดือนมิถุนายน 2566 ด้วยการบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ  พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 45 พรรษา 3 มิถุนายน 2566

          นางสาวประภาภรณ์ อุดมวินิจศิลป์ หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมพรรษา 45 พรรษา 3 มิถุนายน 2566

        ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนชาวไทย ร่วมบริจาคโลหิต ตลอดเดือนมิถุนายน 2566 เพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเจริญพระชนมพรรษา 45 พรรษา 3 มิถุนายน 2566 และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งในงานพระราชพิธี การพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้า ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม การต่างประเทศ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสาธารณสุข รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรในทุกภูมิภาค สำหรับการบริจาคโลหิตครั้งนี้ ยังเป็นการสำรองโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ และทันต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วประเทศอีกด้วย

ปริญญา/ข่าว

*****************************

ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตเนื่องในวันโลหิตโลก

           นางสาวประภาภรณ์ อุดมวินิจศิลป์ หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่วันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันบริจาคโลหิตโลก เพื่อระลึกถึง ดร.คาร์ล แลนด์สไตเนอร์ ชาวออสเตรีย ผู้ค้นพบหมู่โลหิตระบบ เอ บี และโอ ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่มีความสำคัญยิ่งต่องานบริการโลหิตทั่วโลก สหพันธ์สภากาชาดสากล องค์การอนามัยโลก สหพันธ์สภากาชาด ได้เชิญชวนให้สภากาชาดทั่วโลกจัดกิจกรรม โดยให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดหาผู้บริจาคโลหิตที่บริจาคโลหิตด้วยความสมัครใจ ไม่หวังสิ่งตอบแทน และเป็นการส่งเสริมงานด้านบริการโลหิตให้เป็นที่แพร่หลาย

          ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 สภากาชาดไทย ได้จัดกิจกรรมเปิดรับบริจาคโลหิต เนื่องในวันบริจาคโลหิตโลก ระหว่างวันที่ 12-16 มิถุนายน 2566 สำหรับผู้บริจาค พร้อมรับเสื้อยืดที่ระลึก เพื่อเป็นการขอบคุณผู้บริจาคโลหิตทุกท่าน เพื่อเป็นการกระตุ้นผู้บริจาคโลหิตประจำ ให้บริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และผู้ที่มีสุขภาพดี แต่ยังไม่เคยบริจาคโลหิตโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนได้เริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิตต่อไป

        ขอเชิญภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมบริจาคโลหิต เนื่องวันที่โลหิตโลก ตามวันและเวลาดังกล่าว

ปริญญา/ข่าว

***************************************

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา ขอเชิญร่วมโหวต "เกาะแห่งรัก(ษ์)...ที่สีชัง จังหวัดชลบุรี"

           นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวโครงการ “Unseen New Chapters : ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง” ชวนคนไทยโหวตแหล่งท่องเที่ยวอันซีน จาก 77 จังหวัดทั่วไทย เลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ใช่ เลือกจังหวัดที่ชอบ ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท ดีเดย์เปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม – 18 มิถุนายน 2566 ทางเว็บไซต์ www.tourismThaiLand.org/Unseennewchapters และประกาศผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ มั่นใจปลุกกระแสไทยเที่ยวไทยหนุนเป้าหมายรายได้ 880,000 ล้านบาท

         สำหรับกติกาการลงคะแนนโหวต จำกัดสิทธิ์ 1 คน สามารถโหวตได้ 5 สิทธิ์ต่อสัปดาห์ โดยแต่ละสิทธิ์ต้องใช้โหวตให้กับแหล่งท่องเที่ยว 1 แห่งในแต่ละภูมิภาค (5 สิทธิ์ สำหรับการโหวตแหล่งท่องเที่ยว 5 แห่งใน 5 ภูมิภาค) โดยระยะเวลาสะสมผลโหวตต่อสัปดาห์ จะสิ้นสุดในทุกวันอาทิตย์ เวลา 24.00 น. และเริ่มนับคะแนนใหม่ ทุกวันจันทร์ เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัล รวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ เส้นทางภายในประเทศ บัตรกำนัลสำหรับใช้บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหารมิชลิน ไกด์ บัตรเติมน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งจะมีการจับรางวัลและประกาศผลผู้โชคดีทุกสัปดาห์ผ่านหน้าเว็บไซต์โครงการฯ สำหรับกองเชียร์แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ สามารถร่วมเป็นกำลังใจและโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวผ่านทาง #unseennewchapters และร่วมสนุกผ่านกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ ทาง Facebook : Amazing Thailand เพื่อลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ ร่วมทริปท่องเที่ยวกับ ททท. และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ททท. เพิ่มความพิเศษของแคมเปญฯ กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งผู้ประกอบการโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว รถเช่า และสายการบิน มอบส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวไทย ผ่านเว็บไซต์แคมเปญฯ ด้วย

         ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอเชิญร่วมโหวต "เกาะแห่งรัก(ษ์)...ที่สีชัง จังหวัดชลบุรี" เป็น 1 ใน 20 แหล่งท่องเที่ยว UNSEEN NEW CHAPTERS ของเมืองไทย เริ่มเปิดโหวต 22 พฤษภาคม - 18 มิถุนายน 2566 ทุกการโหวตมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทันที รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท  ผ่านทาง

\https://www.tourismthailand.org/unseennewchapters

ปริญญา/ข่าว

********************************

พม. จับมือเครือข่าย เปิดตัวโครงการ “แจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count)” เตรียมพัฒนาระบบสวัสดิการคุ้มครองดูแลทั่วประเทศ

           กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายดำเนินการสำรวจสถานการณ์ปัญหาของกลุ่มคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทราบถึงจำนวนคนไร้บ้านสำหรับนำมาใช้คาดการณ์ทางสถิติ ประชากร และอื่นๆ นำไปสู่การปรับปรุง พัฒนาบริการของรัฐที่ตอบโจทย์ประชาชนต่อไป

          นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีภารกิจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไร้ที่พึ่งหรือคนไร้บ้าน ด้วยการให้บริการสวัสดิการสังคมทั้งการให้ความช่วยเหลือ คุ้มครอง และลงพื้นที่สำรวจปัญหาความต้องการของคนไร้บ้านอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเก็บข้อมูลจำนวนคนไร้บ้านทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายที่รับบริการภายในหน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปัจจุบัน มีจำนวน 5,083 คน และกลุ่มเป้าหมายคนไร้ที่พึ่งภายนอกหน่วยงานสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ให้บริการอีกกว่า 21,239 ราย ซึ่งเป็นคนไร้บ้านกว่า 2,462 ราย และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ กว่า 1,761 ราย

         สำหรับกิจกรรมแจงนับคนไร้บ้าน (One Night Count) ในวันนี้ ประกอบด้วย 1) การเปิดตัวกิจกรรมฯ พร้อมกันทั่วประเทศ ณ หน้าอาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. และผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting โดยมีหน่วยงาน One Home พม. ทุกจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม 2) การปล่อยแถวขบวนรถสายด่วน พม. 1300 ลงพื้นที่แจงนับคนไร้บ้านทั่วประเทศ และ 3) นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมผู้บริหาร และผู้แทนภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่สำรวจแจงนับคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน ณ บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ 

ปริญญา/ข่าว

****************************************

พาณิชย์ชูนโยบาย “อาหารไทย อาหารโลก” รองรับประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ใช้หลัก “รัฐหนุน เอกชนนำ” และส่งเสริม “ซอฟต์พาวเวอร์” พร้อมดึงผู้ซื้อจากทั่วโลกร่วมงาน “THAIFEX - ANUGA ASIA 2023”

            กระทรวงพาณิชย์ เร่งผลักดันนโยบาย อาหารไทย อาหารโลก รองรับความต้องการอาหารของตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยใช้หลัก รัฐหนุน เอกชนนำ ลดอุปสรรคในการส่งออกให้มากที่สุด และส่งเสริม ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักและชื่นชอบอาหารไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 ร่วมกับหอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี ตั้งเป้าผู้เข้าชมงานกว่า 95,000 คนจากทั่วโลก มาเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มของไทย คาดเงินสะพัดกว่า 70,000 ล้านบาท 

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อาหารเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสําคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหาร คือ การเติบโตของจำนวนประชากรโลกที่คาดการณ์กันว่าจะมีจำนวนเพิ่มจาก 8,000 ล้านคนในปัจจุบัน เป็น 10,000 ล้านคน ภายในปี 2593 ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวย่อมจะส่งผลต่อความต้องการอาหารที่เพิ่มมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่าง ๆ จึงตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าหลายประเทศจะมีนโยบายการพึ่งพิงอาหารภายในประเทศ (Food Self - Sufficiency) แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มจำนวนประชากร ก็คาดว่าจะไม่เพียงพอ

         “ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมอาหารที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญมากมาย เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ มันสำปะหลัง และยังมีความสามารถในการแปรรูป สามารถคิดค้นนวัตกรรมทางด้านอาหาร มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย คำนึงถึงความยั่งยืน อีกทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ คือ มีศักยภาพในการส่งออก จนได้ชื่อว่าเป็น ครัวของโลก (Kitchen of the World) ประกอบกับการผลักดันนโยบาย อาหารไทย อาหารโลก ของกระทรวงพาณิชย์ จึงทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 15 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกถึง 1.36 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.7% จากปีก่อน”

นายจุรินทร์ กล่าว

           นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของการส่งออกอาหารไทยเกิดจากนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่เข้าไปดูแลสนับสนุนการส่งออกอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้หลัก    รัฐหนุน เอกชนนำ ให้เอกชนเป็นทัพหน้า ส่วนรัฐเป็นผู้สนับสนุน เพื่อช่วยลดอุปสรรคในการส่งออกให้มากที่สุด ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ เพื่อให้รัฐกับเอกชนจับมือร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมในการส่งออก และร่วมกันแก้ปัญหาเชิงรุก เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขและสำเร็จลุล่วงโดยเร็ว

          นโยบายที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่อง คือ การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) อาหารไทย เพื่อทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักและชื่นชอบอาหารไทยที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการสินค้าและบริการของไทยมากขึ้น โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง

“การจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ถือเป็นการเน้นย้ำให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะการเป็นฮับ (Hub) อาหารไทย อาหารโลก และเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญแห่งปีที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะ เจรจาการค้า ตลอดจนสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งปีนี้กลับมาจัดแบบ On Site อย่างยิ่งใหญ่เหมือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ขณะเดียวกัน มีการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ THAIFEX Virtual Trade Show เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องเดินทาง ให้สามารถเข้าเยี่ยมชมงานได้” นายจุรินทร์ กล่าว

         สำหรับงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวมกว่า 3,000 บริษัท จากทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ประมาณ 6,000 คูหา จากกว่า 40 ประเทศ โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 95,000 ราย จาก 140 ประเทศทั่วโลก สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าทั้งงานในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ได้กว่า 70,000 ล้านบาท ให้กับเศรษฐกิจไทย

ปริญญา/ข่าว

******************************************

Visitors: 219,126