ข่าวประชาสัมพันธ์ ระหว่างวันที่ 15 - 31 ธันวาคม 2567
ข่าวประชาสัมพันธ์ จังหวัดชลบุรี
ระหว่างวันที่ 15 - 31 ธันวาคม 2567
*************************************************************************
ชลบุรี ฉลองงานวันเด็กแห่งชาติ
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน ได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2530 มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับโอกาสในการแสดงความสามารถ การเรียนรู้เพื่อประสบการณ์ที่ดี มีคุณค่าต่อการเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม มีชีวิตท่ามกลางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี เปี่ยมด้วยความรัก ความสามัคคี มีความรู้ ความเข้าใจ อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ตั้งแต่วัยเยาว์ และส่งเสริมให้ผู้ใหญ่เห็นความสำคัญ และเอาใจใส่ต่อเด็กและเยาวชนให้มากขึ้นอีกด้วย
สำหรับจังหวัดชลบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดชลบุรี กำหนดจักงาน ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี และบริเวณสนามหน้าทีว่าการอำเภอเมืองชลบุรี โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การแสดงบนเวที การแสดงดนตรี การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทย การส่งเสริมการอ่าน การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน การทายโจ๊ก การยิงหนังสติ๊ก การแสดงร่มบิน การแข่งขันทักษะต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เปิดห้องเจริญธรรม เพื่อให้เด็กและเยาว ชน กราบสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ รอยพระพุทธบาทจำลอง และได้เปิดห้องผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อให้เด็กและเยาวชน เข้าเยี่ยมชมห้อง พร้อมนั่งเก้าอี้ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อให้เด็กและเยาวชน ได้แสดงความรู้สึกอีกด้วย
ขอเชิญเด็กๆ ร่วมกิจกรรมตามวันและเวลาดังกล่าว ฟรีตลอดงาน
ปริญญา/ข่าว
**********************************
ชลบุรี จัดงานพฤกษาตะวันออกครั้งที่ 17
นายไพชยนต์ กังวลกิจ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดชลบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด เกษตรจังหวัดชลบุรี สภาเกษตรจังหวัดชลบุรี ชมรมไม้ดอกไม้ประดับภาคตะวันออก และอีกหลายๆ หน่วยงาน จัดงานพฤกษาตะวันออก ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 18 – 26 มกราคม 2568 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี เพื่อประกาศศักยภาพการผลิตพืชผลทางการเกษตรของจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออก และการพัฒนาคุณภาพการผลิตและอนุรักษ์สายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ การส่งเสริมการขาย ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกส่งเสริมการผลิต และปรับปรุงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ให้ทัดเทียมกับตลาดในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิต และการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับงานพฤกษาตะวันออก เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดชลบุรี และส่งผลดีแก่เกษตรกรที่ผลิตไม้ดอกไม้ประดับและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องได้มีตลาดจำหน่ายทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพราะธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับเป็นธุรกิจที่เติมเต็มในธุรกิจท่องเที่ยวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในอาชีพเกษตรกรรม ด้วยเหตุนี้จำเป็นที่เกษตรกรต้องสร้างวินัยในการผลิตให้มีต้นทุนต่ำราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า และมุ่งเน้นคุณภาพให้เป็นที่ยอมรับ สามารถทำให้สินค้าเกษตรกรแข่งขันกับนานาประเทศในอาเซียนได้ต่อไป
ปริญญา/ข่าว
****************************************
ผู้ว่าชลบุรี เตือนประชาชน การป้องกันอุบัติภัยช่วงเทศกาลตรุษจีน
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 มกราคม 2568 เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมและประเพณีปฏิบัติของเทศกาลตรุษจีน มักมีการสักการะบูชาเทพเจ้าและบรรพบุรุษ โดยการจุดธูปเทียน การเผากระดาษเงิน กระดาษทอง การจุดประทัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยสูงกว่าปกติ ทั้งอัคคีภัย และอุบัติภัยจากประทัด เพื่อความปลอดภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีป้องกันอุบัติภัยในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ ควรระมัดระวังในการใช้ก๊าซหุงต้มและเชื้อเพลิงประเภทอื่นประกอบอาหารปิดเตาแก๊สและวาล์วถังก๊าซทุกครั้งหลังใช้งาน อีกทั้งไม่เปิดเตาแก๊สอุ่นอาหารทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไม่มีผู้ดูแล เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ เลือกใช้เชิงเทียน กระถางธูป ที่ทำจากวัสดุทนไฟ ไม่ควรจุดธูปจำนวนมากในครั้งเดียวกัน เพราะอาจทำให้เกิดไฟลุกไหม้ และห้ามจุดธูปเทียนทิ้งไว้โดยไม่มีผู้ดูแลอย่างเด็ดขาด รวมถึงดับธูปเทียนให้สนิททุกครั้งก่อนออกจากบ้าน รวมถึงควรเผากระดาษเงินกระดาษทองในที่โล่งแจ้ง ห่างจากแหล่งเชื้อเพลิงและวัสดุที่ติดไฟง่าย หรือเผาในภาชนะทนไฟที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันสะเก็ดจากเถ้าถ่านปลิวไปติดวัสดุอื่น ทำให้เกิดเพลิงไหม้ พร้อมจัดเตรียมถังน้ำไว้ใกล้ๆ หากไฟลุกลามจะได้ควบคุมเพลิงทัน ตลอดจนตรวจสอบโคมไฟประดับและไฟกะพริบบริเวณศาลเจ้าที่จีน (ตี่จู้เอี๊ยะ) ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ก่อนออกจากบ้านควรปิดสวิตช์ไฟ ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด เพื่อป้องกันเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร
และไม่จุดประทัดในพื้นที่เสี่ยงเพลิงไหม้ โดยเฉพาะภายในบ้านเรือน ใกล้ถังก๊าซ แนวสายไฟฟ้า สถานีบริการน้ำมัน ควรจุดในที่โล่งแจ้ง ซึ่งไม่มีวัสดุที่ติดไฟง่าย เพื่อป้องกันสะเก็ดไฟกระเด็นไปติดวัสดุหรือเชื้อเพลิง ทำให้เกิดระเบิดและเพลิงไหม้ ไม่เล่นประทัดในลักษณะเสี่ยงอันตราย ไม่โยนประทัดที่จุดไฟแล้วใส่กลุ่มคน ไม่ยื่นแขน ขา หรืออวัยวะส่วนใดของร่างกายเข้าใกล้ประทัดที่จุดไฟแล้ว ไม่ดัดแปลงประทัดให้มีแรงอัดสูง หรือมีเสียงดังกว่าปกติ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ออกให้ห่างจากบริเวณที่จุดประทัดในระยะไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ไม่เข้าใกล้บริเวณประทัดที่จุดไฟแล้ว เพราะอาจถูกสะเก็ดไฟกระเด็นเข้าตา ทำให้ตาบอดได้ กรณีประทัดจุดไม่ติดหรือดับก่อนระเบิด ห้ามจุดซ้ำในทันที ให้ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ค่อยนำมาจุดอีกครั้ง เพื่อป้องกันประทัดระเบิด ทำให้ได้รับบาดเจ็บและ เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต รวมถึงจัดเตรียมถังน้ำไว้ใกล้ๆ บริเวณที่จุดประทัด หากเกิดเพลิงไหม้จะได้ดับไฟทันท่วงที ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบพิธีกรรมช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ทำให้ การเริ่มต้นเทศกาลปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นไปด้วยความสุขและปลอดภัย
หากเกิดไฟไหม้ ให้แจ้งไปที่ สถานีตำรวจสายด่วน 191 หรือ สายด่วน 199 หรือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี โทรศัพท์หมายเลข 038 – 278031 – 2
ปริญญา/ข่าว
********************************************
กรมการจัดหางาน ย้ำ ! แรงงานต่างชาติ ตามมติครม. 24 กันยายน 2567 ต้องตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานพยาบาลเอกชนตามประกาศกรมการจัดหางาน เท่านั้น
อธิบดีกรมการจัดหางาน เผย การตรวจสุขภาพของแรงงานต่างชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ต้องตรวจกับสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานพยาบาลเอกชนที่กรมการจัดหางานประกาศให้เป็นสถานพยาบาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติ เท่านั้น
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 กำหนดให้แรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่จะขอรับใบอนุญาตทำงานต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของคนต่างด้าวที่จะขอรับใบอนุญาตทำงาน โดยสามารถตรวจสุขภาพได้ ณ สถาน พยาบาลของรัฐทุกแห่ง หรือสถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ผ่านการตรวจพิจารณาตามหลัก เกณฑ์ที่กำหนด มีการเชื่อมโยงข้อมูลผลการตรวจสุขภาพกับกรมการจัดหางาน และได้รับการประกาศรายชื่อเป็นสถานพยาบาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติได้ โดยคนต่างชาติที่ทำงานกับนายจ้างในกิจ การซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้าประกันสังคม ต้องทำประกันสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐตามประกาศกระ ทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรง งานต่างชาติ หรือทำประกันสุขภาพกับบริษัทประ กันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยที่มีความมั่นคงและผ่านการตรวจพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำ หนดมีการเชื่อมโยงข้อมูลการประกันสุขภาพกับกรม การจัดหางาน และได้รับการประกาศรายชื่อเป็นบริษัทประกันภัยที่ทำประกันสุขภาพแรงงานต่างชาติได้
“กรมการจัดหางานขอประชาสัมพันธ์เน้นย้ำข้อมูลดังกล่าวให้นายจ้าง สถานประกอบการ ทราบ เนื่องจาก “ท่านและครอบครัวเป็นผู้ใกล้ชิดแรงงานมากที่สุด” ดังนั้น การตรวจสุขภาพของแรงงานอย่างมีมาตรฐานย่อมสร้างความปลอดภัยในการป้องกันโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับท่านได้” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่ผ่านการตรวจพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด มีการเชื่อมโยงข้อมูลผลการตรวจสุขภาพกับกรมการจัดหางาน และได้รับการประกาศรายชื่อเป็นสถานพยา บาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติได้แล้ว ขอให้ดำเนินการตรวจสุขภาพแรงงานต่าง ชาติตามรายละ เอียดการตรวจสุขภาพให้ครบถ้วน เพื่อความมีมาตรฐานในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อร้ายแรง และหากตรวจ สอบพบว่าไม่ได้ตรวจสุขภาพแรงงานจริง มีการซื้อขายใบรับรองแพทย์ กรมการจัดหางานจะถอดรายชื่อออกจากประกาศสถานพยาบาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติได้ของกรม การจัดหางาน ทั้งนี้ จะดำเนิน การเพิกถอนใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างชาติที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสุขภาพจริงในทันที
ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์กรมการจัดหางาน doe.go.th หรือสอบถามรายละ เอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประ เทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางานหรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
ปริญญา/ข่าว
***************************
กรมการจัดหางาน เผย วันแรกนายจ้างยื่นขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวแล้ว 5 หมื่นคน
กรมการจัดหางาน เผยผลการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ผ่านช่องทางออนไลน์ วันแรก พบนายจ้างที่มีแรงงาน 4 สัญชาติ สถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นความต้องแรงงาน 58,331 คน
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและสามารถทำงานกับนายจ้างเป็นการชั่วคราวได้เป็นระยะเวลา 1 ปี กรมการจัดหางาน ได้เปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติกลุ่มดังกล่าว ในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 เป็นวันแรก โดยมีนายจ้างดำเนินการยื่นบัญชีรายชื่อแจ้งความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ workpermit2024.doe.go.th จำนวน 58,331 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมียนมา
นายสมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการดำเนินการของแรงงานกลุ่มดังกล่าว ระยะแรก ให้นายจ้างดำเนินการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว พร้อมรูปถ่าย ต่อกรมการจัดหางาน ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ workpermit2024.doe.go.th หรือยื่นเอกสารด้วยตัวเองได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด/สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของนายจ้าง
ส่วนระยะที่ 2 ให้นายจ้างยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว (แบบ บต. 50 อ.6) พร้อมเอกสารและหลักฐาน อาทิ ใบรับรองแพทย์ เอกสารประกันสุขภาพ/เอกสารประกันสังคม และเอกสารนายจ้าง เป็นต้น ภายในวันที่ 30 มีนาคม 2568 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 900 บาท ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 โดยหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแล้ว จะต้องดำเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติต่อไป
สำหรับผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของแรงงานข้ามชาติที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี มีสิทธิอยู่ในราชอาณาจักรตามสิทธิของบิดาหรือมารดา โดยให้บิดาหรือมารดาของผู้ติดตามแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด/สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของนายจ้าง จากนั้นให้ไปจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ ณ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัด หรือสถานที่ที่กรมการปกครองกำหนด
ทั้งนี้ ขอให้นายจ้าง สถานประกอบการ และแรงงานข้ามชาติให้ความสำคัญศึกษาแนวทางการขอรับใบอนุญาตทำงาน และดำเนินการทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนตามกรอบเวลา หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางานหรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
ปริญญา/ข่าว
******************************************