ชลบุรี จัดงานวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฏาราชเจ้า
จังหวัดชลบุรี จัดงานวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฏาราชเจ้า
วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันที่ระลึก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า จังหวัดชลบุรี ณ อาคารอเนกประสงค์วิทยาการ โรงเรียนชลกันยานุกูล อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
ตามมติคณะรัฐมนตรีให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปีเป็นระลึก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เพื่อแสดงความจงรักภักดี และแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ล้ำเลิศด้วยพระกฤษดาภินิหาร น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ที่ทรงปกแผ่พสกนิกรชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้นำข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ตุลาการ อัยการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดชลบุรีทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมกันมาชุมนุม ณ มณฑลพิธีเพื่อแสดงความจงรักภักดี และแสดงกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ล้ำเลิศด้วยพระกฤษดาภินิหาร น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น ที่ทรงปกแผ่พสกนิกรชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ราษฎรทั้งปวงยังคงรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอมหิทธานุภาพแห่งพระองค์ ทรงอภิรักษ์ชาติไทย และองค์พระผู้ทรงราไชศวรรย์ สืบเนื่องในมหาจักรีบรมราชวงศ์ ให้สถิตเสถียรสถาพรสืบกาลนาน ของพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอภิบาลบันดาลดล ให้พระบรมราชวงศ์และพสกนิกรแห่งราชอาณาจักรไทย สุขสวัสดิ์ พิพัฒน์มงคล โดยทั่วกัน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงมีพระบรมราชคุณูปการแก่ประเทศ และประชาชนเป็นล้นพ้นสุดที่จะพรรณนาได้ เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น บ้านเมืองเริ่มเผชิญปัญหาด้านสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศในยุโรปและอเมริกา แต่ด้วยพระปรีชาญาณ อันสุขุมลึกซึ้ง ได้ทรงผ่อนปรนมิให้กระทบกระเทือน ทั้งผลประโยชน์ของประเทศ และสัมพันธไมตรีระหว่างกัน นโยบายหลักนี้เป็นแนวทางที่พระเจ้าแผ่นดินในรัชกาลต่อมาทรงยึดถือและเจริญรอยตาม ในส่วนความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองและประชาชนนั้น ได้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าการเศรษฐกิจของประเทศในรัชสมัยมั่งคั่งมั่นคงยิ่งกว่ายุคใดๆ ในสมัยรัตนโกสินทร์ทรงทำนุบำรุงการพาณิชย์นาวี ได้มีการติดต่อค้าขายกับนานาประเทศอย่างกว้างขวางรายได้หลั่งไหลเข้ามาเป็นงบประมาณบำรุงแผ่นดินเต็มที่ ข้าราชการได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดเงินเดือนเป็นครั้งแรก ทรงเพิ่มพูนรายได้ของประเทศด้วยการปรับปรุงระบบการเก็บภาษีอากรทั้งภาษีอากรเก่าและใหม่ สามารถเกื้อกูลการพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นผลให้ชาติไทยคงความเอกราชอยู่ได้ตราบจนปัจจุบัน
ปริญญา/ข่าว/ภาพ