ภาค2 ทลายแก๊งเครือข่ายลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณมือถือ

 

  

  

ภาค2 ทลายแก๊งเครือข่ายลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณมือถือ

       วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2567 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2. พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ รอง ผบก.สส.ภ.2. พ.ต.อ.พัลลภ สุ ภิญโญ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.เอนก บุตรอินทร์ รอง ผบก.สง.ก.ต.ช. ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.2 ร่วมกันแถลงทลายเครือข่าย “แก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ" ณ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภาค 2 อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

         ตามที่บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด(AWN) ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีคนร้ายตระเวนลักทรัพย์แบตเตอรี่ (ลิเธียม) ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ในหลายพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเลือกพื้นที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีกล้องวงจรปิด ออกตระเวนลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และ จากแผนประทุษกรรมการก่อเหตุพบว่าคนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความช้านาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนที่เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์ โดยคนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการเครือข่าย โดยหลังจากที่คนร้ายได้ทำการลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้ว จะรีบนำไปส่งขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจร ในราคาลูกละ 5,000 – 8,000 บาท จากนั้น กลุ่มคนรับซื้อของโจรจะ ดำเนินการปลด Alert ในตัวแบตเตอรี่ แล้วนำไปลงขายใน Social ตลาดมืด ในราคาลูกละ 12,000 – 24,000 บาท และหากซื้อจำนวนมากๆ ราคาจะถูกลง ซึ่งตลาดมืดที่มีความต้องการแบตเตอรี่ประเภทนี้สูงที่สุด คือ กลุ่มตลาดที่รับติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เนื่องจากเนแบตเตอรี่ที่มีกำลังวัตต์สูง ในการเก็บไฟฟ้า รองลงมาจะเป็น กลุ่มเครื่องเสียงรถยนต์ กลุ่มเครื่องเสียงรถแห่ กลุ่มทำเหมืองขุดบิทคอย เป็นต้น  

        พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค2 ได้ประสานข้อมูลจากบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด ว่าในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566 ถึงปัจจุบัน พบว่าเกิดเหตุ คนร้ายได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน กว่า 150 ครั้ง ได้ทรัพย์สินเป็นแบตเตอรี่ ไม่ต่ำกว่า 100 ลูก ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าสิบล้านบาท

        สำหรับการดำเนินการครั้งนี้ รวมจับกุม 7 คน ตรวจยึดของกลางรวม จำนวน 114 ลูก การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี และหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือรับของโจร เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับ จำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน อีกส่วนหนึ่ง ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ และจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์ ในส่วนตัวกลางรับซื้อ รับจำหน่าย ได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้ว กว่า 1,000,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีทุก กรรม เป็นกระทงความผิดไป

ปริญญา/ข่าว/ภาพ

Visitors: 218,968