ศรีราชา เน้นย้ำการรณรงค์ ขอความร่วมมือ และบังคับใช้กฎหมาย

  

  

นายอำเภอศรีราชา เน้นย้ำการรณรงค์ ขอความร่วมมือ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในเรื่องการเผาป่าในกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ (Kick off) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)

           ที่ อาคารป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ นางปณิตา พันธุ์โชติ นาย อำเภอศรีราชา  เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ (Kick off) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีนายสมศักดิ์ เกตุวัตถา นายกองค์การบรอหารส่วนตำบลบางพระ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน เข้าร่วมกิจกรรม ด้วยสถานการณ์ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ของจังหวัดชลบุรี ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์ มาตรฐาน จำนวน 19 วัน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดสถานการณ์ไฟป่า ไฟไหม้หญ้า และไฟไหม้พื้นที่ การเกษตร เป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายแก่ ทรัพยากรธรสัตว์ป่า รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่ส่ง ผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ในพื้นที่อำเภอศรีราชา

        สำหรับสาเหตุการเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ต่าง ๆ เกิดจากการ ลักลอบเผา เป็นส่วนใหญ่เพื่อล่าสัตว์ หาของป่า หรือเผาในพื้นที่เกษตรจึงขอให้ทุกคน ช่วยกันเฝ้าระวัง ลาดตระเวนอย่างเข้มงวด โดยขอให้ กำนัน ผู้ใหญ่ บ้าน ผู้นำชุมชน ฝ่ายปกครอง ให้ความร่วมร่วมมือช่วยกันสอดส่อง และดูแลพื้นที่ เพื่อป้องปรามผู้มีพฤติกรรมลักลอบเผาโดยสามารถบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้การป้องปราม  ควบคุม การกระทำผิดดังกล่าว ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการดำเนินการต่อจากนี้ ให้ทุกภาคส่วน ยกระดับการปฏิบัติการให้เข้มข้นขึ้น โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง งดการเผาในที่โล่งทุกชนิด ได้แก่ พืชทางการ เกษตร วัชพืชขยะ รวมถึงการเผาป่า ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองขนาดเล็ก หากมีการเผาจะมีความผิดตามกฎหมาย

       ทั้งนี้ จังหวัดชลบุรีได้ออกประกาศ มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการเผาในที่โล่ง ในเขตควบคุมการเผาของจังหวัดชลบุรี  โดยให้พื้นที่ทุกชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในท้องที่จังหวัดชลบุรี เป็นเขตควบคุมการเผา มีผลถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อลดการเผาอย่างเด็ดขาดในช่วงวิกฤตนี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จ ในภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นพื้นที่ ในครั้งนี้ ย่อมเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนทุกคน โดย เฉพาะการเสริมสร้างจิตสำนึกต่อชุมชน และสังคม รวมทั้งสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนเยาวชน ให้รับรู้ถึงอันตราย ผลกระทบจากมลพิษ รวมถึงบทลงโทษ ที่จะได้รับจากการลักลอบเผา เพื่อลด ผลกระทบด้านด้านสุขภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิตประจำวันของ ประชาชนให้มากที่สุด

ปริญญา/ข่าว/ภาพ

Visitors: 233,068